ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยเตรียมรับศึกสงครามราคา หลังจีนส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าล้นตลาด
ในปี 2567 นี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของการแข่งขันที่ดุเดือด เนื่องจากการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนล้นตลาด ส่งผลให้ผู้ผลิตในไทยต้องเตรียมกลยุทธ์รับมือกับ สงครามราคา ที่อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ปัจจัยที่ผลักดันสงครามราคา การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเกินความต้องการในประเทศ จีนในฐานะผู้ผลิต EV รายใหญ่ของโลก กำลังเผชิญกับปัญหาสินค้าล้นตลาดในประเทศ ทำให้ต้องเร่งขยายการส่งออกมายังตลาดสำคัญอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้นทุนการผลิตต่ำ ความได้เปรียบด้านต้นทุนของจีน ทำให้ผู้ผลิตสามารถตั้งราคาที่ต่ำกว่าแบรนด์อื่นในตลาด เช่น BYD และ MG ที่กำลังขยายตลาดในไทย มาตรการส่งเสริมจากรัฐบาลจีน รัฐบาลจีนยังคงให้การสนับสนุนผู้ผลิต EV ผ่านมาตรการลดภาษีและเงินสนับสนุนต่าง ๆ ทำให้การส่งออกมีความได้เปรียบมากขึ้น ผลกระทบต่อตลาดไทย แบรนด์ไทยและต่างชาติในไทย: ผู้ผลิตในประเทศ รวมถึงแบรนด์ต่างชาติที่ประกอบในไทย เช่น Toyota และ Honda อาจต้องปรับลดราคาหรือเพิ่มความคุ้มค่าในผลิตภัณฑ์ เพื่อแข่งขันกับ EV ราคาถูกจากจีน ผู้บริโภคไทย: ผู้บริโภคอาจได้ประโยชน์จากราคาที่ถูกลง แต่ต้องพิจารณาคุณภาพและบริการหลังการขาย กลยุทธ์รับมือในอนาคต ผู้ผลิต EV ในไทยอาจต้องมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น ระยะทางการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หรือระบบชาร์จที่เร็วกว่า รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ผ่านบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง […]
เกณฑ์ใหม่ “Easy E-Receipt” แบ่ง 2 ตะกร้า ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
รัฐบาลเปิดตัวโครงการ “Easy E-Receipt” เกณฑ์ใหม่สำหรับการลดหย่อนภาษีในปี 2567 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและส่งเสริมการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งประเภทการใช้จ่ายออกเป็น 2 ตะกร้า พร้อมกำหนดวงเงินลดหย่อนสูงสุดถึง 50,000 บาท รายละเอียดเกณฑ์ Easy E-Receipt ตะกร้าที่ 1: การใช้จ่ายในสินค้าและบริการทั่วไป วงเงินลดหย่อนสูงสุด 30,000 บาท ครอบคลุมการใช้จ่ายที่ชำระเงินผ่านระบบ E-Receipt เช่น การซื้อสินค้าในร้านค้าและบริการทั่วไป ตะกร้าที่ 2: การใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม วงเงินลดหย่อนสูงสุด 20,000 บาท เช่น การซื้อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือสินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในเชิงคุณค่า การใช้งาน E-Receipt ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีผ่านเกณฑ์นี้ จะต้องชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตรเครดิตหรือแอปพลิเคชันการเงินที่รองรับ E-Receipt และเก็บหลักฐานใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ไว้สำหรับการยื่นภาษี ผลกระทบที่คาดหวัง กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โครงการนี้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลดีต่อร้านค้าและผู้ประกอบการในประเทศ สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การใช้งาน E-Receipt ช่วยลดการใช้กระดาษ และเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการข้อมูล
“ทีทีบี” ประเมินไทยปี 2568 โต 2.6% ช้าสุดในภูมิภาค เหตุบริโภค-ส่งออก-ท่องเที่ยวชะลอตัว
ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวเพียง 2.6% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การเติบโตชะลอตัว ได้แก่ การบริโภคในประเทศลดลง ผู้บริโภคยังเผชิญแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่สูง ขณะที่กำลังซื้อของประชาชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ การส่งออกที่ซบเซา ภาคการส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากตลาดใหญ่ เช่น จีนและสหรัฐฯ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า แม้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด ทีทีบียังระบุว่า ไทยต้องเร่งปรับตัวและยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมนวัตกรรม และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตได้รวดเร็วกว่ามาก ที่มา ประชาชาติธุรกิจ