เกณฑ์ใหม่ “Easy E-Receipt” แบ่ง 2 ตะกร้า ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
รัฐบาลเปิดตัวโครงการ “Easy E-Receipt” เกณฑ์ใหม่สำหรับการลดหย่อนภาษีในปี 2567 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและส่งเสริมการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งประเภทการใช้จ่ายออกเป็น 2 ตะกร้า พร้อมกำหนดวงเงินลดหย่อนสูงสุดถึง 50,000 บาท รายละเอียดเกณฑ์ Easy E-Receipt ตะกร้าที่ 1: การใช้จ่ายในสินค้าและบริการทั่วไป วงเงินลดหย่อนสูงสุด 30,000 บาท ครอบคลุมการใช้จ่ายที่ชำระเงินผ่านระบบ E-Receipt เช่น การซื้อสินค้าในร้านค้าและบริการทั่วไป ตะกร้าที่ 2: การใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม วงเงินลดหย่อนสูงสุด 20,000 บาท เช่น การซื้อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือสินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในเชิงคุณค่า การใช้งาน E-Receipt ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีผ่านเกณฑ์นี้ จะต้องชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตรเครดิตหรือแอปพลิเคชันการเงินที่รองรับ E-Receipt และเก็บหลักฐานใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ไว้สำหรับการยื่นภาษี ผลกระทบที่คาดหวัง กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โครงการนี้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลดีต่อร้านค้าและผู้ประกอบการในประเทศ สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การใช้งาน E-Receipt ช่วยลดการใช้กระดาษ และเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการข้อมูล
ทองคำร่วงหนักกว่า 2% ต่ำกว่าระดับ 2,600 ดอลลาร์ หลังเฟดชะลอแผนลดดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2024 ทองคำร่วงหนักกว่า 2% โดยหลุดระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สาเหตุสำคัญมาจากการประกาศของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เหตุผลที่ราคาทองคำลดลง ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด การลดดอกเบี้ยที่ช้ากว่าคาด ชี้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า หลังประกาศของเฟด ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที ทำให้ราคาทองคำสำหรับนักลงทุนต่างชาติแพงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการทองคำลดลง ผลกระทบต่อการลงทุน ราคาทองคำที่ลดลงครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำอาจยังผันผวนต่อเนื่องในระยะสั้น
บิตคอยน์ร่วง หลัง Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาดในปี 2025
คืนวันที่ 18 ธันวาคม 2024 ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลดลงทันทีหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 อาจน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดคริปโตเคอเรนซีและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ความเชื่อมโยงระหว่างดอกเบี้ยและคริปโตเคอเรนซี >สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ มักได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของ Fed เพราะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนเงินทุนเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตร ส่งผลให้ความต้องการในตลาดคริปโตลดลง ตลาดตอบสนองทันที หลังการประกาศจาก Fed ราคาบิตคอยน์ลดลงกว่า 3% อยู่ที่ประมาณ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 900,000 บาท) พร้อมกับการปรับตัวลดลงของสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดกำลังปรับตัวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินในอนาคต และอาจต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงต้นปี 2024 Ref: DLnews